วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

10 อันดับ มหาวิทยาลัยของไทยที่ดีที่สุดในประเทศไทย

10 อันดับ มหาวิทยาลัยของไทยที่ดีที่สุดในประเทศไทย

1. "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" สถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันเปิดสอนใน 19 คณะ "อักษรศาสตร์-บัญชี" เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากๆ และมีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย คือ "พระเกี้ยว" ที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภูมิใจ เนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัย ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในสมเด็จพระปิยมหาราช ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัยนี้ ส่วนต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ต้นจามจุรี
สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย คือ "พระเกี้ยว"
2. "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" เป็นมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ก่อตั้งในชื่อ "มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง" เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง สำหรับประชาชนทั่วไป ต่อมาใน พ.ศ. 2495 รัฐบาลเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบัน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอายุเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 และ 6 ตุลาฯ 2519
ตลาดวิชาเพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง
3. "มหาวิทยาลัยมหิดล" สถาบันศึกษาที่มาจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช ชื่อว่า"โรงเรียนแพทยากร" ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2432 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ใช้แทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เป็น "มหาวิทยาลัยมหิดล"
สถาบันศึกษาที่มาจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช
4. "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร ก่อตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ โดยมีปณิธานในการก่อตั้งเพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่การกสิกรรมและการเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต่อมาได้ขยายสาขาวิชาครอบคลุมทั้งสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ บริหารธุรกิจ และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร
5. "มหาวิทยาลัยศิลปากร" มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และโบราณคดี มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือกำเนิดจากโรงเรียนปราณีตศิลปกรรม สังกัดกรมศิลปากร ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนเป็นโรงเรียนศิลปากร และเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 พระยาอนุมานราชธนร่วมกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยศิลปากร" เพื่อเป็นสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงทางศิลปะของชาติ
ปัจจุบันสอนครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และวิทยาศาสตร์การเกษตร ตามมาตรฐานของมหาวิทยาลัยสากลอย่างสมบูรณ์
มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย
6. "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" มหาวิทยาลัยนี้พัฒนาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2492 และต่อมาพัฒนาเป็น วิทยาลัยวิชาการศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2497 และพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อ พ.ศ.2517 โดยเป็น "มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร"
มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร
7. มาดูสถานศึกษาในต่างจังหวัดกันบ้าง "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่" มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยในส่วนภูมิภาค เพื่อขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ต่างจังหวัด โดยรัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ในด้านการเรียนการสอนของประเทศไทย และเป็นอันดับ 5 ในด้านการวิจัยของประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เมื่อปี พ.ศ. 2549 ด้วย
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยในส่วนภูมิภาค
8. "มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2541 ภายหลังการเรียกร้องของชาวจังหวัดเชียงรายที่ต้องการมีมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงใช้พระราชสมัญญา "แม่ฟ้าหลวง" เป็นชื่อมหาวิทยาลัย ปัจจุบันประกอบด้วยสำนักวิชา 12 สำนัก เป็นมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนระดับอนุปริญญา 1 หลักสูตร ปริญญาตรี 33 สาขา ปริญญาโท 26 สาขา ปริญญาเอก 15 สาขา 
หนังสือพิมพ์ไทมส์ เคยจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกของประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยได้รับการลงคะแนนให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และสวยที่สุดแห่งเอเชีย
มหาวิทยาลัยที่น่าเรียนที่สุดในโลก ...บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย
9. "มหาวิทยาลัยบูรพา" มหาวิทยาลัยแห่งภาคตะวันออก ที่ตั้งอยู่ริมชายทะเลบางแสน จังหวัดชลบุรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2498 โดยอดีตเป็นวิทยาเขตหนึ่งของวิทยาลัยวิชาการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในปัจจุบัน โดยใช้ชื่อว่า วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน หรือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน
ทั้งนี้ วันที่ 8 กรกฎาคม หรือที่เรียกว่า "แปดกรกฎ" ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัย สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้รับการยกวิทยฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยโดยเอกเทศ ด้วยผลการประกาศใช้ "พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533" ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ.2533 ปัจจุบันมหาวิทยาลัยบูรพา จัดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี โท เอก ในหลากหลายกลุ่มสาขาวิชา
มหาวิทยาลัยแห่งภาคตะวันออก ที่ตั้งอยู่ริมชายทะเลบางแสน
เสน่ห์ของม.บูรพา อีกอย่างคือหาดบางแสน
วงเวียนบางแสน
ตอนนี้หาดบางแสนสวยมาก
10. "มหาวิทยาลัยขอนแก่น" มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นหนึ่งในบรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติจากกระทรวงศึกษาธิการในปี พ.ศ. 2552 ด้วยเหตุผลนี้ทำให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีอัตราการสอบแข่งขันเข้าเรียนมากที่สุดในภูมิภาค
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ว่าแล้ว...ก็อยากกลับไปเรียนบ้าง มหาวิทยาลัยบ้านเราน่าเรียนทั้งน้าน....หากย้อนเวลาได้ จะตั้งใจเรียนแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย
ส่วนใครมีความใฝ่ฝันอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพไหน ก็เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เอาใจช่วยทุกคนให้ได้ไปเรียนใน "มหา'ลัยในฝัน" นะจ้ะ
แล้วกลับมาพบกันอีกครั้ง ในเรื่องราวของมหาวิทยาลัยเอกชนน่าเรียน ส่วนจะเป็นมหาวิทยาลัยไหนบ้าง ติดตามอ่านได้ที่นี่ ไทยรัฐไลฟ์สไตล์
อีกมุมของมหาวิทยาลัยแห่งภาคเหนือ
วิวสวยๆ ของ มช.
ป้ายภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาษาบ่งบอกถึงที่ตั้ง มช.
เก้าอี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่รังสิต

มุมกล้องและขนาดภาพ

มุมกล้องและขนาดภาพ

มกล้อง
405690729
ภาพมุมปกติ (Normal angle shot) คือการตั้งกล้องระดับเดียวกับสิ่งที่ถ่ายหรือระดับสายตาของผู้แสดง สื่อความหมายถึงความเรียบง่าย คุ้นเคย ใช้กับภาพทั่วๆไปเป็นมุมกล้องที่ใช้มากที่สุด ภาพอยู่ในระดับสายตาหรือบางทีเรียกภาพมุมระดับสายตา
images
ภาพมุมต่ำ( Low angle shot) คือการตั้งกล้องระดับต่ำกว่าวัตถุหรือต่ำกว่าสิ่งที่ถ่าย หรือต่ำกว่าระดับสายตาของผู้แสดง สื่อความหมายถึงพลัง อำนาจความเข้มเเข็ง
angle-view-of-men-and-women-sitting-on-floor
ภาพมุมสูง (high angle shot) คือการตั้งกล้องระดับสูงกว่าวัตถุหรือสุงกว่าสิ่งที่ถ่าย สื่อความหมายตรงข้ามกับภาพมุมต่ำ คือ ไร้พลัง ไร้อำนาจ อ่อนแอ ต่ำต้อย
652809-img-1358446891-2
มุมวัตถุ (Objective )คือมุมของผู้ดู เป็นมุมภาพทั่วๆ ไปเหมือนภาพมุมปกติแทนสายตาของผู้ชมที่เป็นผู้สังเกตการณ์ ไม่มีส่วนร่วม เช่น ผู้ชมมองเห็นวัตถุ สถานที่ หรือมองเห็นตัวแสดงคุยกันเอง
images777
มุมแทนความรู้สึกผู้แสดง ตรงข้ามกับมุมวัตถุ(Subjective) คือ ภาพมุมมองของ ตัวแสดง เช่น ตำรวจเล็งปืนสอดส่ายตามองหาผู้ร้ายที่หลบอยู่ในลานจอดรถ จะเป็นภาพแทนสายตาของตัวแสดง คือภาพรถกวาดไปทีละคัน
images45
มุมข้ามไหล่ (Over Shoulder shot )คือการตั้งกล้องไว้ทางซ้ายหรือขวาของคู่สนทนาถ่ายเฉียงผ่านไหล่ของคู่สนทนา เห็นหน้าของคนที่แสดงหรือคนที่กำลังพูดแสดง โดยไม่มีไหล่และบางส่วนของศีรษะคู่สนทนาเป็นฉากหน้า ให้รู้ว่ากำลังคุยกับผู้อื่น และทำให้ภาพมีมิติมีความลึก
ขนาดภาพ
ภาพไกลมาก (Extreme Long Shot หรือ ELS)
ขนาดภาพลักษณะนี้กล้องจะตั้งอยู่ไกลจากสิ่งที่ถ่ายมาก ซึ่งภาพที่ได้จะเป็นภาพมุม-กว้าง ผู้ชมสามารถมองเห็นองค์-ประกอบของฉากได้ทั้งหมด สามรถมองเห็นสิ่งที่ถ่ายได้เต็มสัดส่วน แม้สิ่งที่ถ่ายนั้นจะมีขนาดเล็กก็ตาม ซึ่งภาพลักษณะนี้ จะใช้เป็นภาพแนะนำ-สถานที่ เหมาะสำหรับการปูเรื่อง เริ่มเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์ในต่างประเทศนิยมใส่ไตเติ้ลส่วนหัวไว้ในฉากประเภทนี้ตอนที่ภาพยนตร์ริ่มเข้าเนื้อเรื่อง
ภาพขนาดไกลนี้จะสร้างความรู้สึกโอ่อ่า อลังการ แสดงออกถึงความใหญ่โตของสถานที่ ความน่าเกรงขาม ความยิ่งใหญ่ และยังสามารถสร้างความประทับใจรวมถึงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้อีกด้วย
เช่น กลุ่มเรือโจรสลัดกำลังแล่นเรือออกสู่ทะเลกว้างโดยมีเรือของหัวหน้าโจรสลัดแล่นออกเป็นลำหน้า ตามด้วยกลุ่มเรือลูกน้องอีกนับ 10ลำ โดยใช้ภาพขนาดไกลมาก ตั้งกล้องในมุมสูงทำให้ผู้ชมเห็นถึงความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของโจรสลัดกลุ่มนี้
เป็นต้น
ภาพไกล (Long Shot หรือ LS)
ขนาดภาพแบบนี้ไม่สามารถกำหนดระยะห่างระหว่างกล้องกับสิ่งที่ถ่ายได้ แต่จะกำหนดโดยประมาณว่าสิ่งที่ถ่ายจะอยู่ในกรอบภาพ (Frame) พอดี ถ้าเป็นคน ศีรษะจะพอดีกับกรอบภาพด้านบน ส่วนกรอบภาพด้านล่างก็จะพอดีกับเท้า ซึ่งสามารถเห็นบุคลิก
อากัปกิริยาการแสดง การเคลื่อนไหว ตำแหน่งที่อยู่ในการแสดงหรือในฉาก ด้วยเหตุนี้จึงสามารถใช้เป็นภาพแนะนำตัวละคร หรือเริ่มฉากใหม่ได้ บางครั้งอาจใช้เป็นภาพในฉากเริ่มเรื่องได้เช่นเยวกันกับภาพขนาดไกลมาก และบางครั้งภาพขนาดไกลยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอสทาบริชชิง ช็อต (Establishing Shot) ส่วนองค์ประกอบรอบข้างผู้ชมจะได้เห็นรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น
ภาพปานกลาง Medium Shot หรือ MS)
ขนาดภาพลักษณะนี้ถ้าเป็นภาพบุคคล ผู้ชมจะได้เห็นตั้งแต่เอวของนักแสดงขั้นไปจนถึงศีรษะ ขนาดภาพแบบนี้ผู้ชมสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของนักแสดง และรายละเอียดของฉากหลังพอสมควร ซึ่งพอที่จะเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ จึงถือได้ว่าเป็นภาพที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ในเรื่องได้ดีขนาดภาพปานกลาง เป็นขนาดภาพที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะใช้เป็นภาพเชื่อมต่อ กล่าวคือ การเปลี่ยนขนาดภาพจากภาพไกลมาเป็น
ภาพไกล้หรือจากภาพใกล้มาเป็นภาพไกลก็ตาม จะต้องเปลี่ยนมาเป็นภาพขนาดปานกลางเสียก่อน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ขัดต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้ชม
เนื่องจากภาพจะกระโดด
นอกจากนี้ภาพขนาดปานกลางยังนิยมใช้ถ่ายภาพบุคคล 2 คนในฉากเดียวกัน หรือที่เรียกกันว่า ภาพ Two Shot ซึ่งนิยมใช้กันมาก
ในภาพยนตร์บันเทิง
ภาพใกล้ (Close-Up หรือ CU, Close Shot หรือ CS)
ภาพใกล้ ผู้ชมจะมองเห็นนักแสดงตั้งแต่ไหล่ขึ้นไป เป็นขนาดภาพที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ของนักแสดงได้มากที่สุด เพราะการใช้ภาพขนาดใกล้ถ่ายบริเวณใบหน้าของนักแสดง จะสามารถภ่ายถอดรายละเอียด เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ภายในของนักแสดงได้อย่างชัดเจนมาก นอกจากนี้ยังจะทำให้ผู้ชมได้รู้สึกใกล้ชิดกับสิ่งที่ถ่ายอีกด้วยทั้งนี้เพื่อทำให้เข้าใจถึงรายละเอียดของวัตถุต่างๆ ตามเนื้อหาที่กำลังนำเสนอ และ
ภาพขนาดใกล้นี้ยังสามารถบังคับให้ผู้ชมสนใจในวัตถุที่กล้องกำลังถ่าย หรือสิ่งที่กำลังนำเสนอ
ภาพใกล้มาก (Extreme Close-Up Shot หรือ ECU, Big Close-Up Shot หรือ BCU)
เป็นภาพที่ถ่ายในระยะใกล้มากๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเน้นสิ่งที่ถ่าย เพื่อให้ผู้ชมเห็นรายละเอียดของวัตถุ หรือเพื่อเพิ่มความเข้าใจในกรณีที่วัตถุมีขนาดเล็กมากๆ เช่น การถ่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นหรือถ้าถ่ายใบหน้านักแสดง ก็เพื่อเป็นการเน้นอารมณ์ของนักแสดงเช่น จับภาพที่ดวงตาของนักแสดง ทำให้เห็นน้ำตาที่กำลังใหลออกจากดวงตา เป็นต้นและทั้งหมดนี้ก็เป็นขนาดภาพที่นิยมนำมาถ่ายทอดเรื่องราวของภาพยนตร์ ซึ่งตมความเป็นจริงแล้ว เราสามารถที่จะประยุกต์หรือดัดแปลงขนาดภาพไปเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ทั้งหมดนี้เป็นขนาดภาพสากลที่ทำให้เรา (ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์) เข้าใจตรงกันว่าต้องการให้ภาพออกมาในลักษณะใดเท่านั้น นอกจากนี้อารมณ์และความรู้สึกที่ผู้ชมจะได้รับขณะชมภาพยนตร์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดภาพเพียงย่างเดียว แต่ต้องอาศัยองค์ประกอบของภาพยนตร์อื่นๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ และความเป็นภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น

อาชีพรายได้ดี

อาชีพ รายได้ดี 
1. งานกายอุปกรณ์ (Orthotists and Prosthetists)

บุคลากรด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้ทำหน้าที่ออกแบบ วัดขนาด รวมไปถึงทุกขั้นตอนของการผลิต ดัดแปลงและซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ใช้กับร่างกายเพื่อช่วยเหลือการเคลื่อนไหว เช่น แขนเทียม ขาเทียม อุปกรณ์ประคองหรือดามหลัง อุปกรณ์ดามมือ และอวัยวะเทียมเกือบทุกชนิด หน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยแบบนี้แน่นอนว่ารายได้ดีงามทีเดียวเชียวล่ะ โดยค่าจ้างของอาชีพนี้ตกชั่วโมงละ 30.27 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 980 บาทต่อชั่วโมง กดเครื่องคิดเลขอีกนิดก็จะรู้เลยว่าเป็นอาชีพที่ทำเงินประมาณ​ 235,200 บาทต่อเดือนแน่ะ !

30 อาชีพรายได้เยอะ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!
2. ช่างไฟฟ้า

อาชีพนี้ไม่เพียงแต่มีรายได้ดี ทว่าสวัสดิการต่าง ๆ ก็ครบถ้วนอีกต่างหาก ส่วนขอบเขตของงานจะทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนติดตั้ง บำรุง ซ่อมแซม ดูแลระบบจ่ายไฟ ข้องเกี่ยวกับเคเบิลและระบบไฟหลายชนิด ค่าแรงต่อชั่วโมงอยู่ที่ 30.85 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,000 บาท) ประเมินแล้วเงินเดือนบวกกับค่าความเสี่ยงก็ 2 แสนกว่าบาทต่อเดือนเหมือนกัน

3. ไคโรแพรกติก (Chiropractic)

อีกหนึ่งอาชีพทางสายการแพทย์ที่จำเป็นต้องมีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์พอสมควรสำหรับการจัดกระดูก รวมไปถึงระบบกล้ามเนื้อที่ผิดปกติให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ อ้อ ! ลืมบอกไปว่าศาสตร์การรักษานี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น งานนี้อาศัยมือของผู้เชี่ยวชาญล้วน ๆ ดังนั้นตัวเลขของเงินเดือนที่ควรได้จึงสูงถึงประมาณ 243,840 บาทต่อเดือน นับเป็นอาชีพที่สร้างรายได้มหาศาลแต่ก็สมน้ำสมเนื้อกับความรู้ความสามารถนะคะ

4. ผู้ตรวจการขนส่ง

เป็นอีกหนึ่งอาชีพในส่วนงานราชการที่มีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการขนส่งของผู้ประกอบการส่วนต่าง ๆ ด้วยเหตุผลที่ต้องการป้องกันปัญหาทุจริตคอรัปชั่น อาชีพนี้เลยได้เงินเดือนเหนาะ ๆ อยู่ที่ 246,240 บาทต่อเดือน

5. นักรังสีเทคนิค

กว่าจะเรียนจนจบมาได้คงยากลำบากพอดู นักรังสีเทคนิคเลยสมควรแก่การได้ค่าจ้าง 246,720 บาทต่อเดือน แต่ด้วยความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาแล้วต้องยกให้เขาเลยจริง ๆ

6. แพทย์เฉพาะทางรังสี

แพทย์เฉพาะทางผู้มีความรู้ความสามารถทางเทคนิคการแพทย์ รวมไปถึงเครื่องฉายแสงต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์และวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีรังสีอย่างนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ส่วนอัตราเงินเดือนของอาชีพนี้ก็สูงถึง 248,160 บาทต่อเดือน แถมแว่ว ๆ มาว่าไม่จำเป็นต้องสแตนบายด์ที่โรงพยาบาลตลอดเวลาอีกต่างหาก

7. ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์

ทั้งโปรดิวเซอร์และผู้กำกับละครทีวี ละครเวที และภาพยนตร์ต่างก็มีรายได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากละครหรือภาพยนตร์มีกระแสตอบรับแรง ๆ คนดูกันทั้งประเทศและดังไกลไปถึงเมืองนอก แบบนี้บอกเลยว่ารายได้ต่อเดือนไม่น่าจะต่ำกว่า 250,000 บาทต่อเดือน แถมยังไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน ไม่จำเป็นต้องไปทำงานทุกวัน ทว่าเวลามีงานจริง ๆ ก็หามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน

8. วิศวกรรมต่อเรือและเครื่องกลเรือ

ดูแลรับผิดชอบระบบเดินเรือและเครื่องกลเรือทุกชิ้นส่วน จำเป็นต้องพกความรู้ความเรื่องโครงสร้างเรือ ระบบการทำงานของเรือแต่ละประเภท รวมไปถึงระบบสุขาภิบาล ไฟฟ้า และระบบอื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของเรือด้วย ส่วนอัตราค่าจ้างของอาชีพนี้จะอยู่ที่ประมาณ 260,000 บาทต่อเดือน
9. กัปตันเรือ

อาชีพเกี่ยวกับการเดินเรือนี่เงินเดือนไม่ใช่ย่อย ๆ เลยล่ะ อย่างเหล่ากัปตันและผู้ช่วยกัปตันเรือก็มีรายได้กว่า 1,088 บาทต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินเดือนก็ประมาณ 260,000 บาทกว่า ๆ เท่านั้นเอง

10. เกษตรกร

เจ้าของไร่ นา สวน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเกษตรกรรม ถ้าทำอย่างจริงจังก็รวยใช่เล่นนะ เบาะ ๆ รายได้ต่อเดือนจะอยู่ที่เกือบ 260,000 บาทเลยทีเดียว

11. นักพยาธิวิทยาด้านการพูดและภาษา (Speech-Language Pathologist)

อาจเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไร แต่บอกไว้เลยว่าการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางการสื่อสาร ทำรายได้ต่อเดือนให้นักพยาธิวิทยาด้านการพูดและภาษากว่า 265,000 บาท

12. นักทันตสุขอนามัย (Dental hygienist)

นักทันตสุขอนามัยจะประจำอยู่ตามสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยภายในช่องปาก รวมถึงมีความรู้ในการป้องกันโรคทางช่องปากและรักษาความสะอาดของฟันขั้นพื้นฐานได้ อาชีพนี้ในเมืองนอกสามารถทำเงินได้เกิน 265,000 บาทต่อเดือนเชียวนะ

13. นักโสตสัมผัสวิทยา

ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอนามัยภายในช่องหู และประสาทการได้ยินของมนุษย์อย่างครอบคลุม ถ้าประกอบอาชีพนี้ในเมืองนอก การันตีรายได้ไม่ต่ำกว่า 267,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นอาชีพที่ทำเงินดี๊ดีอีกอาชีพหนึ่งเลย

14. นักอาชีวบำบัด

อาชีพที่คล้าย ๆ นักจิตวิทยาสาขาหนึ่งซึ่งมีหน้าที่บำบัดผู้ป่วยที่มีการพัฒนาค่อนข้างช้า จนเกิดความบกพร่องในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกิจกรรมพื้นฐานรอบตัว เช่น การทำงานบ้าน การประกอบอาชีพ หรือฟื้นฟูทักษะการใช้ชีวิตประจำวันให้เหมือนคนปกติ ภารกิจใหญ่ยิ่งขนาดนี้ก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าไปเลยเหนาะ ๆ เดือนละ 287,000 บาท

15. ช่างติดตั้งและซ่อมบำรุงลิฟต์

รับผิดชอบตั้งแต่การตรวจสอบโครงสร้างลิฟต์ การผลิต ระบบการทำงาน ไปจนถึงการติดตั้งและซ่อมแซมลิฟต์โดยสาร อาชีพนี้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมาก ๆ โดยเรตค่าจ้างในต่างประเทศจะสูงถึงชั่วโมงละ 37.81 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ1,224 บาท) คิดเป็นเงินเดือนก็เกือบ 300,000 เลยนะ

16. นักรังสีการแพทย์

ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษา สามารถบรรเทาและรักษาอาการของโรคด้วยการฉายรังสี คนที่จะประกอบอาชีพนี้ได้ต้องเรียนหนักไม่แพ้แพทย์ พ่วงกับความรู้ด้านรังสีวิทยาที่ควรต้องแม่นเป๊ะ สนนรายได้ต่อเดือนจึงทะยานไปไกลถึง 295,000 บาท
30 อาชีพรายได้เยอะ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!
17. นักกายภาพบำบัด

ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีระมนุษย์ สามารถวิเคราะห์ความผิดปกและวางแผนการรักษาอาการผิดปกตินั้นโดยใช้ความรู้พื้นฐานทางกายภาพบำบัด นักกายภาพบำบัดจำเป็นต้องแข็งแรงพอสมควรนะคะ เพราะต้องคอยจัดท่ารวมถึงพยุงคนไข้ในระหว่างการทำกายภาพบำบัด ถือเป็นงานที่หนักไม่น้อยเลยทีเดียว เงินเดือนก็เลยต้องสมน้ำสมเนื้อ โดยนักกายภาพบำบัดต่างประเทศจะได้เรตค่าจ้างชั่วโมงละ 38.96 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ตกชั่วโมงละประมาณ 1,261 บาท เท่ากับว่ากวาดรายได้เข้ากระเป๋าเดือนละ 3 แสนกว่าบาทเลย
30 อาชีพรายได้เยอะ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!
18. สัตวแพทย์

ความยากของอาชีพนี้อยู่ที่การวินิจฉัยโรคที่สัตว์เป็น เนื่องจากสัตว์เหล่านี้ไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้เลยแม้แต่คำเดียว อีกทั้งยังต้องเก๋าพอที่จะรักษาสัตว์ได้ทุกชนิดบนโลกใบนี้ เงินเดือนเลยปาเข้าไปกว่า 323,000 บาทต่อเดือน

19. เจ้าหน้าที่ทำคลอดทารก

ใครจะประกอบอาชีพนี้ได้ต้องมีความรู้เรื่องสูติแน่นปึ้ก ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับขั้นตอนการทำคลอดเด็กทารก เพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูก ซึ่งบ้านเราส่วนใหญ่จะอาศัยแพทย์สูติและพยาบาลผู้มีประสบการณ์ในการทำคลอดแทน แหม...น่าเสียดายไม่เบานะคะ เพราะเจ้าหน้าที่ทำคลอดในต่างประเทศเก็บรายได้รายต่อชั่วโมงถึง 44.37 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,436 บาท) เลยทีเดียว ตกเดือนละเกือบ 350,000 บาท

20. พยาบาลเวชปฏิบัติ

ด้วยหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำทุกอย่างให้ได้เกือบเทียบเท่าแพทย์ ความรู้ความสามารถจึงต้องอยู่ในระดับดี เงินเดือนเลยค่อนข้างคุ้มค่าในระดับประมาณ 346,000 บาทต่อเดือน

21. ผู้ช่วยทางการแพทย์

อีกหนึ่งอาชีพที่ต้องทำงานร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ลักษณะของงานจะคล้าย ๆ เลขาของแพทย์ ซึ่งต้องจัดเตรียมข้อมูลของคนไข้เพื่อส่งเคสต่อให้แพทย์ได้ และอาจต้องให้คำปรึกษาและคัดกรองคนไข้ก่อนถึงมือหมอ โดยในต่างประเทศตำแหน่งนี้จะค่อนข้างมีตัวตนที่ชัดเจนมากกว่าบ้านเรา แถมเงินเดือนยังดี๊ดีที่ 44.70 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,447 บาทต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินเดือนแล้วก็ประมาณ 350,000 บาท

22. ผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตาและประกอบแว่น

งานที่เกี่ยวกับสายตาจำถือเป็นอาชีพที่มีความสำคัญและค่อนข้างมีละเอียดอ่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตาและประกอบแว่นต้องผ่านการร่ำเรียนที่หนักหนาสาหัสเอาการ ค่าตอบแทนจึงต้องสูงเป็นธรรมดา โดยรายได้เฉลี่ยต่อเดือนจะตกประมาณ 378,480 บาท

30 อาชีพรายได้เยอะ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!
23. นักบิน ผู้ช่วยนักบิน พนักงานสายการบิน และวิศวกรการบิน

สายอาชีพที่มีสถานที่ทำงานบนผืนฟ้าเป็นส่วนใหญ่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะและความรู้ความสามารถที่คนทั่วไปไม่อาจทำได้ การันตีรายได้แบบไม่ต้องสงสัยตกเดือนละกว่า 430,000 บาท

24. ทันตแพทย์

แค่ถอนฝันไม่กี่ซี่เราก็ต้องควักเงินในกระเป๋าไปหลายร้อย ยังไม่นับรวมทันตกรรมชนิดอื่น ๆ อีก ดังนั้นทันตแพทย์ที่ทำงานทั้งในโรงพยาบาลและเปิดคลีนิกเป็นของตัวเองด้วย มีรายได้ชัวร์ ๆ ไม่ต่ำกว่าหลักแสน อย่างทันตแพทย์ของต่างประเทศจะการันตีรายได้อยู่ที่ 70.36 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,278 บาทต่อชั่วโมง กดเครื่องคิดเลขดูตกเดือนละ 546,000 เลยทีเดียว

25. พยาบาลวิสัญญี

พยาบาลวิสัญญีถือเป็นวิชาการพยาบาลขั้นสูง ซึ่งต้องมีความรู้ในเรื่องยาระงับความรู้สึก รวมทั้งต้องประเมินปริมาณการให้ยาสลบกับคนไข้ได้อย่างแม่นยำพอสมควร ไม่อย่างนั้นกะผิดกะถูกไปคนไข้ตื่นขึ้นมาระหว่างการผ่าตัดล่ะวุ่นแน่ ดังนั้นตำแหน่งสำคัญทางการแพทย์อย่างนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จึงยอมจ่ายค่าแรงให้ชั่วโมงละ 72.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณชั่วโมงละ​ 2,352 บาท ต่อเดือนประมาณ 564,000 บาท

26. จิตแพทย์

ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตทุกรูปแบบแล้วแต่คนไข้แต่ละเคส และทำการรักษาปัญหาทางจิตและความคิดของคนไข้ภายใต้วิธีการทางจิตวิทยา ถือว่าเป็นงานที่ไม่ต้องลงแรงเท่าไร แต่ในฐานะที่ต้องทนรับฟังแต่ปัญหาของผู้อื่นรายได้จึงงามมาก คิดแล้วตกอยู่ชั่วโมงละ 86.03 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 2,786 บาท หรือเดือนละ 668,000 บาท
30 อาชีพรายได้เยอะ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา !!
27. ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟัน

ในวงการทันตแพทย์ศาสตร์ต้องยอมรับว่า ทันตแพทย์สาขาการจัดฟันแอบทำรายได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ยิ่งในช่วงนี้กระแสจัดฟันยังแรงไม่แผ่วสักนิด รายได้ของหมอฟันสาขานี้จึงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในอเมริกาเรตรายได้ของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันจะสูงถึงชั่วโมงละ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ตกเกือบ 3,000 บาทต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินก็แค่เดือนละ 720,000 เท่านั้นเอง !!

28. ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านโรคข้อต่อขากรรไกร

หน้าที่ของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อต่อขากรรไกรจะดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับความผิดปกติของขากรรไกร สามารถวินิจฉัยและผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรได้ โดยส่วนมากรายได้จะเทียบเท่ากับทันตแพทย์สาขาจัดฟัน คือ ชั่วโมงละ 90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,000 บาทต่อชั่วโมง หรือเดือนละ 720,000 บาท

29. แพทย์ผ่าตัด

การผ่าตัดเพื่อทำการรักษาโรคดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของคนเรา ฉะนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จำเป็นต้องพกพาความรู้ความสามารถที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพมาช่วยชีวิตคน รายได้จากอาชีพนี้จึงค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่เรต 91.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง อยู่ในไทยก็คงได้ค่าวิชาชีพประมาณ 2,968 บาท ตกเดือนละ 720,000 บาท เช่นกัน

30. วิสัญญีแพทย์

ขนาดพยาบาลวิสัญญียังมีรายได้สูงพอสมควร แล้วนี่เป็นถึงแพทย์วิสัญญีผู้เชี่ยวชาญด้านยาสลบซึ่งต้องจ่ายยาสลบให้แก่คนไข้ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เทียบกับหน้าที่และความสามารถแล้วก็ต้องยอมให้ค่าวิชาไปเลยที่ 92.41 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยจะประมาณ 2,992 บาทต่อชั่วโมง คำนวนเป็นรายเดือนแล้วบอกเลยว่าอิจฉาตาร้อนมาก ก็เงินเดือนของอาชีพนี้การันตีไม่ต่ำกว่า 7 แสนบาท ! เลยนะเอ้า